เอาจริงๆคือตัว AirPods เนี่ยออกมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งมันก็จะเกือบ 3 ปีอยู่แล้ว ก็ได้มีโอกาสได้ซื้อมาใช้หลังจากที่ JBL T110BT ที่ใช้อยู่ขาดออกเป็น 2 ซีกหลังปั่นจักรยานล้ม
ราคาที่ขายในไทยอยู่ที่ 6900 บาท ซื้อราคามันก็แบบ "โฮลี่ชิท! แพงชิบหาย" แล้วนี่ก็ใช้งานมาได้ 3 เดือนแล้วเราก็จะมาเล่นปรสบการณ์ใช้งานเจ้านี่ให้ฟัง
เปิดกล่อง
ด้านในกล่องก็จะมีของอยู่ 3 อย่าง
- ใบคู่มือใช้งาน และ Safety Warning
- AirPods ที่อยู่ใน AirPods case
- สาย USB to Lightning 1.5 เมตร
ฮะ!? สาย Lightning อยู่ตรงไหนไม่เห็นเลย!!!
จะบอกว่ามันอยู่ด้านล่างกล่องอีก แล้วเราก็พึ่งรู้หลังใช้งานมา 2 เดือน 5555555
ซึ่งเสียใจอยู่อย่างนึงคือในกล่องไม่มี Apple sticker แถมมาให้ ;-;
AirPods case
ตัวเคสเหมือนจะเป็นพลาสติด ซึ่งตัวเคสเนี่ยจะสามารถชาร์จแบต AirPods จาก 0% จนไปถึง 100% ได้ 4-5 รอบ แล้วก็ด้านหลังจะมีปุ่มเล็กๆอยู่ ซึงถ้ากดค้างมันจะสามารถเชื่อมต่อแบบ Bluetooth กับ Android ได้
ตัวฝาเปิด-ปิดเป็นแม่เหล็ก เวลาปิดฝาก็จะเสียงดัง แป๊ะ! ซึ่งมันสนุกมากๆเวลาเปิด-ปิดเล่นๆ ข้างในก็จะมี AirPods ของเราอยู่ แล้วก็ตัว Light Indicator ที่สามารถบอกสถานะของ AirPods ได้ว่าเป็นยังไง
และด้านล่างก็จะเป็นช่อง Lighting port เอาไว้ชาร์จ case
รีวิวตัวเคสเสร็จแล้วเรามาต่อที่ตัว AirPods กันดีกว่า!
AirPods
ถ้าให้เทียบกับประสบการณ์ใช้งานหูฟัง Bluetooth มาก่อนพวก Moto Surround กับ JBL T110BT จะบอกว่า AirPods เป็นหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงได้ดีกว่าที่คิดไว้ตอนแรกมากๆ
ตอนใช้งานครั้งแรกก็แค่เปิดฝาขึ้นมา เอา AirPods case ไปไว้ใกล้ๆ iPhone แล้วมันจะเด้งหน้า Modal ขึ้นมาให้กดปุ่นเชื่อมต่อทันที...แล้วก็แค่นั้นเลย พร้อมใช้งานแล้ว และความฉลาดของ AirPods มันยังไม่หมดแค่นั้น เราสามารถที่จะเลือกใส่แค่ข้างเดียวก็ได้ แล้ว AirPods ก็จะใช้ battery ข้างนั้นอย่างเดียว แล้วในแต่ละข้างนั้นก็จะสามารถใช้งานแบบฟังเพลงติดต่อกันได้ 4 ชม. ก่อนที่จะเตือนว่าแบตจะหมด แล้วพอหมดก็เอา AirPods ใส่กลับชาร์จที่ case (ชาร์จแต่ละครั้งใช้เวลาไม่นานมาก) ซึ่งก็สามารถชาร์จได้อีก 4-5 รอบก่อนที่จะต้องชาร์จ case ใหม่ ก็ถ้าคำนวณว่าแบตทุกอย่างเต็ม แล้วใช้งาน AirPods 2 ข้างตลอด Wrost Case จะใช้เวลาฟังเพลงติดต่อกันทั้งหมด 16 ชม. ก่อนที่จะต้องชาร์จ case
แล้วถ้าถามเรื่องหลุดยากมั้ย เราก็ได้ลองแบบปั่นจักรยาน นั่งวินมอไซค์ด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. ใส่ตอนเล่นตู้เกมที่เคลื่อนไหวมากๆ หนักๆ เช่น maimai, PUMP IT UP, DANCERUSH STARDOM แล้วก็เขย่าหัว กระโดด ตีลังกา ก็ไม่หลุดเลยแม้แต่ครั้งเดียวก็ถือว่าดีมากๆในส่วนนี้
แล้วก็เมื่อเราเชื่อมต่อครั้งนึงแล้ว มันจะ Sync ไปทุกเครื่องที่ login Apple ID นั้นไว้ผ่าน iCloud นั่นแปลว่ากด Connect แค่ครั้งเดียวก็เชื่อมต่อทั้งวงเลยตั้งแต่ iPad, Apple Watch ยัน Macbook Pro
ว่าด้วยเรื่อง Microphone ปกติพวก Bluetooth Microphone จะให้เสียงที่แบบแปลกๆ แต่ของ AirPods ให้เสียงที่ชัดมากๆ ควบกับ Beam Forming Technology ที่ติดไว้ใน AirPods ทั้ง 2 ข้าง ทำให้เราสามารถพูดคุยผ่าน AirPods ข้างไหนก็ได้ และสามารถลดเสียงรบกวนแล้วจับเสียงเราได้ชัดกว่าเดิมมากๆ
AirPods เป็นหูฟังที่ใช้งานสะดวกมากกกกก
จากโดยรวมก็สามารถบอกได้ว่า AirPods สร้างความประทับใจเรามากๆ ตั้งแต่การเชื่อมต่ออันแสนจะง่ายดาย คุณภาพเสียงที่ดีกว่าที่คิดเอาไว้ และความสะดวกสะบายในการสลับระหว่างเครื่อง
ก็สำหรับคนใช้ Apple Devices อยู่แล้วจะบอกว่าคุ้มมากๆกับในราคา 6900 บาทแต่ถ้าหากว่าอยากได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่านี้ก็มี Beats X ที่มาพร้อม Apple's W1 chip ที่ให้ความสะดวกทางด้านการเชื่อมต่อได้เหมือนกับ AirPods เหมือนกันให้ซื้อ แต่ก็ต้องทำใจกับราคาหน่อย
สำหรับ PC, Android ที่ไม่ใช่ Apple Devices ก็ยังสามารถใช้งาน AirPods ในระดับความเสถียรที่ดีมากในระดับที่ใช้แล้วไม่กระตุก ไม่หลุด แต่แค่จะไม่ค่อยได้รับความสะดวกเท่า Apple Devices เท่าไหร่ ดังนั้น...จัดเลยฮะ
ถือว่าเป็นตัว Dominator ในรายการหูฟัง True Wireless เลย ซึ่งก็จะติดตามดูว่าในอนาคตจะมีอัพเดตอะไรมาเพิ่มในทั้งเรื่องของทั้งเรื่องของความสะดวกและเสียง
Apple AirPods เป็นหูฟังที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ เหมือนตอนนี้เป็นยุคเริ่มต้นของหูฟัง Truly Wireless ที่ตอนแรกมันอาจจะไม่ได้ดีเท่ากับหูฟังสายในปัจจุบัน ก็สามารถสรุปได้ว่า AirPods เนี่ยเป็นหูฟังตัวนึงที่เชื่อมต่อได้ง่ายแสนง่าย และพกพาได้สะดวก ถ้าใครอยากจะซื้อก็แนะนำให้ซื้อเลยมันดีต่อใจมากๆ...ในราคาแสนโหดที่ 6900 บาท
